Technology

15 แพลตฟอร์ม CMS ยอดนิยมในปี 2023

2023-09-14 10:59:15




15 แพลตฟอร์ม CMS ยอดนิยมในปี 2023


คุณสงสัยไหมว่าจะใช้แพลตฟอร์ม CMS ไหนมาใช้ในการสร้างเว็บไซต์ของคุณ?


CMS คือระบบการจัดการเนื้อหาเว็บไซต์อย่างง่ายโดยไม่ต้องมีการเขียนโค้ดใด ๆ แพลตฟอร์ม CMS มีให้เราเลือกมากมาย แล้วคุณจะเลือกอะไร


CMS คืออะไร

CMS หรือระบบการจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ คือซอฟต์แวร์หนึ่งที่เข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์เว็บไซต์อย่างง่าย


โดยปกติแล้วการพัฒนาเว็บไซต์จะพัฒนาด้วยการเขียนภาษา HTML , JavaScript และ CSS หากคุณสร้างเว็บไซต์เองโดยไม่ผ่าน CMS คุณต้องเรียนรู้ภาษาและขั้นตอนการเขียนโค้ดของภาษาเหล่านี้


แต่ CMS นั้นจะใช้การสร้างโค้ดอัตโนมัติทำให้การสร้างเว็บง่ายขึ้น



วิธีการเลือกแพลตฟอร์ม CMS

  • ใช้งานง่าย
  • หากคุณต้องการ CMS ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างและแก้ไขเนื้อหาได้อย่างง่าย มีอินเทอร์เฟซแบบลากและวาง สามารถเพิ่มองค์ประกอบต่าง ๆ ลงบนหน้าเว็บ
  • เครื่องมือการออกแบบ สิ่งที่ CMS ควรมีคือเทมเพลตที่เยอะ มีให้เลือกหลากหลายและสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
  • การโอนย้ายข้อมูล. แพลตฟอร์ม CMS ที่ดีควรมีเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถส่งออกและโอนข้อมูลไปยังที่อื่น ตัวอย่างเช่นคุณอาจตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์มอื่นหรือ บริษัท โฮสติ้งอื่นในภายหลัง การส่งต่อและโอนย้ายข้อมูลได้อย่างอิสระ
  • ส่วนเสริม ส่วนเสริมของเว็บไซต์ CMS ในทุกแพลตฟอร์มที่มีจะไม่เหมือนกัน ส่วนขยายและปลั๊กอินแก้ไขปัญหานี้ เหล่านี้เป็นซอฟต์แวร์แยกต่างหากคุณเพียงแค่ติดตั้งในซอฟต์แวร์ CMS ของคุณเพื่อขยายฟังก์ชันและเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ๆ
  • ความช่วยเหลือและตัวเลือกการสนับสนุน ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ของแพลตฟอร์ม CMS คือการทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าหากปัญหาคุรสามารถดูคำถามที่พบบ่อยและบางผู้ในห้บริการจะมีทีมบริการลูกค้าและมีชุมชนสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สามารถช่วยคุณได้ตลอดเวลากลางวันหรือกลางคืน
  • ราคา แพลตฟอร์ม CMS บางตัวฟรีทั้งหมด แต่ส่วนขยายจะเรียกเก็บเงินเป็นรายเดือน หรือบริการเว็บโฮสติ้งของบุคคลที่สามเรียนรู้เกี่ยวกับราคาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่คุณจะเลือก CMS




แพลตฟอร์ม CMS ใดบ้างที่น่าสนใจ


WordPress

WordPress.org เป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งสำหรับ CMS ที่ดีที่สุด และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 43 % ของเว็บไซต์ที่ให้บริการทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ต


ข้อดี

  • ยืดหยุ่น
  • ไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการเขียนโค้ด
  • มีอิสระในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์
  • มีปลั๊กอินเสริมให้เลือกมากมายทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
  • รองรับการทำเว็บไซต์ธุรกิจ
  • สามารถดาวน์โหลดเนื้อหาในรูปแบบ XML


ข้อเสีย

  • ต้องตั้งค่าโฮลติ้งและโดเมน และคุณจะต้องรับผิดชอบในการจัดการความปลอดภัยและสำรองข้อมูลเป็นต้น
  • Wordpress มีตัวเลือกมากมายและยืดหยุ่นสูง เลยอาจจะต้องทำความเข้าใจในการทำงาน


ราคา

Wordpress เป็นแพลตฟอร์มฟรี แต่จะต้องเสียค่าโดเมน (ประมาณ $9 – $15 ต่อปี) และบัญชีโฮสติ้งที่สามารถใช้งาน WordPress ได้(ปกติจาก $7.99/เดือน)



HubSpot CMS Hup


คือระบบการจัดการเนื้อหาแบบครบวงจรที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับตลาดออนไลน์และเจ้าของธุรกิจแพลตฟอร์ม CRM ของ HubSpot ซึ่งรวมถึงเครื่องมือทางการตลาดอัตโนมัติ การขาย การบริการ และการดำเนินงานทุกประเภท CMS Hub จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโตตลอดจนถึงองค์กรขนาดใหญ่


ข้อดี

  • เครื่องมือสร้างเว็บของ HupSpot ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีทักษะการด้านเทคนิคก็ใช้ได้ เครื่องมือในการใช้งานสะดวกสามารถลากวางได้เลย เครื่องมือ SEO ในตัว
  • สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือกลุ่มอื่น ๆ
  • สำหรับนักพัฒนามีฟังก์ชันแบบไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ มีตัวเลือกธีมให้เลือกหลากหลาย และเครื่องมือคำสั่ง สามารถรับแต่งเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว
  • เป็นเครื่องมือ CMS ที่ปลอดภัย
  • Hupspot CMS สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือผ่านอีเมลและส่วนขยาย CRM การขายได้อย่างราบรื่น


ข้อเสีย

  • HubSpot CMS ไม่เหมาะกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แต่สามารถทำงานร่วมกับ wordpress และ WooCommerce ได้อย่างง่ายดาย


ราคา

CMS Hub มีสามระดับ: Starter, Professional และ Enterprise แผนเริ่มต้นคือ $23/เดือนและมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันการทำงานเต็มรูปแบบ


Joomla


Joomla เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม CMS โอเพ่นซอร์สฟรียอดนิยมที่มาพร้อมกับเทมเพลตและส่วนขยายต่างๆ มากมาย ใช้งานได้ฟรี แต่คุณต้องมีโฮสติ้งและชื่อโดเมน ตามรายงานส่วนแบ่งทางการตลาด 1.72% ของเว็บไซต์ทั้งหมด



ข้อดี

  • Joomla มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและตัวเลือกที่หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถสร้างคำสั่งที่ซับซ้อนหรือคำสั่งพิเศษ
  • Joomla สามารถแก้ไขเนื้อหาและจัดการได้ง่าย
  • Joomla เป็นโอเพ่นซอสแบบฟรี และมีการสนับสนุนจากชุมชนผู้ใช้งาน
  • สามารถใช้ joomle ในการสร้างสรรค์เว็บอีคอมเมิร์ซ


ข้อเสีย

  • มีความซับซ้อน
  • ส่วนยายค่อนข้างน้อย
  • อาจจะมีปัญหาความเข้ากันกับส่วนขยายหรือโดเมนอื่น


ราคา

Joomla ใช้งานได้ฟรี แต่คุณจะต้องจ่ายค่าชื่อโดเมนและเว็บโฮสติ้งที่รองรับ Joomla



WooCommerce


เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม เพราะความยืดหยุ่นและจัดการง่าย


WooCommerce ไม่ใช่แพลตฟอร์ม CMS ในทางเทคนิค แต่จะทำงานเป็นปลั๊กอินบน WordPress แทน ดังนั้นคุณจะต้องมี WordPress บนไซต์ของคุณจึงจะติดตั้ง WooCommerce ได้


ข้อดี

  • WooCommerce มีให้บริการในรูปแบบซอฟต์แวร์ฟรี แต่คุณต้องมีโฮสติ้ง WooCommerce และชื่อโดเมนเพื่อเริ่มต้น
  • WooCommerce มีธีมมากมายให้เลือก ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำให้เว็บไซต์ของคุณมีลักษณะตามที่คุณต้องการ
  • WooCommerce มีส่วนขยายที่หลากหลาย
  • คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์ทางกายภาพหรือดิจิทัลโดยใช้ WooCommerce คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์ Affiliate ผ่านลิงก์ Affiliate ได้
  • คุณสามารถจัดการสต๊อกสินค้าได้ผ่าน WooCommerce
  • WooCommerce มาพร้อมกับการชำระเงินด้วย PayPal และ Stripe ตามค่าเริ่มต้น


ข้อเสีย

  • มีตัวเลือกและเครื่องมือที่เยอะ อาจจะต้องทำความเข้าใจ
  • WooCommerce ใช้งานได้ทางเทคนิคกับธีม WordPress ใดๆ แต่คุณอาจต้องการใช้ธีมที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ WooCommerce


ราคา

ปลั๊กอิน WooCommerce นั้นให้บริการฟรี แต่คุณอาจต้องชำระค่าปลั๊กอินและส่วนขยายเพิ่มเติม


Drupal


เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม CMS ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส เป็นแพลตฟอร์มที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์บางแห่ง รวมถึงเว็บไซต์ของมหาลัยหลาย ๆ แห่ง และ Drupal เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักพัฒนาหรือสำหรับผู้ที่สามารถจ้างนักพัฒนาได้


ข้อดี

  • การเพิ่มเนื้อหาบน Drupal สามารถเพิ่มได้อย่างง่ายดาย และเนื้อหาสามารถกำหนดเอง ยืดหยุ่น
  • มีโมดุลต่าง ๆ ให้เลือกสามารถนำมาใช้ได้เหมือนปลั๊กอิน
  • มีการสนับสนุนผ่านตัวเลือกการสนับสนุนชุมชนเหมือนแพลตฟอร์มอื่น
  • สามารถจัดการผู้ใช้งานผ่านระบบในตัวเลือกการให้สิทธิ์


ข้อเสีย

  • Drupal อาจจะยากสำหรับผู้เริ่มต้น
  • เว็บไซต์ Drupal ส่วนใหญ่มีธีมที่ปรับแต่งเป็นพิเศษซึ่งสร้างโดยนักพัฒนา ซึ่งอาจจะมีราคาแพงมาก


Wix


Wix เป็นแพลตฟอร์ม CMS ยอดนิยม แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการก็ตาม แต่มิตรกับผู้เริ่มต้นและอาจคุ้มค่าที่จะพิจารณา เพราะใช้ฟรี


ข้อดี

  • Wix มีอินเทอร์เฟซแบบลากและวาง ทำให้การสร้างหน้าเว็บที่ออกแบบได้ คุรสามารถแก้ไขหน้าตาของเว็บไซต์ได้ทุกส่วน
  • Wix มีเทมเพลตมากมายที่คุณสามารถเลือก ทั้งแบบที่รองรับบนมือถือและคอมพิวเตอร์
  • คุณสามารถเพิ่มแอปจำนวนมากลงในเว็บไซต์ของคุณได้จาก Wix App Market สิ่งเหล่านี้ทำงานเหมือนกับปลั๊กอินของ WordPress


ข้อเสีย

  • เมื่อคุณเลือกเทมเพลตบน Wix แล้วคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเทมเพลตอื่นได้
  • คุณไม่สามารถเปิดร้านอีคอมเมิร์ซบน Wix ได้เว้นแต่คุณ จะอัปเกรดเป็นแผนการชำระเงิน
  • Wix ไม่อนุญาตให้คุณดาวน์โหลดข้อมูลและส่งออกข้อมูล
  • หากคุณใช้แผนฟรี คุณจะมีชื่อโดเมนและโฆษณาของแบรนด์ Wix บนเว็บไซต์ของคุณ โฆษณาสร้างรายได้ให้กับ Wix ไม่ใช่คุณ


ราคา

คุณสามารถ ใช้ wix ได้ฟรี แต่ชื่อโดเมทจะเป็นของ Wix แต่คุณสามารถจ่ายเงิน เริ่มต้นที่ $ 13 ต่อเดือน (ชำระล่วงหน้าเป็นรายปี)



Bigcommerce


เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่โฮสต์โดยสมบูรณ์ ซึ่งบางครั้งเรียกว่าแพลตฟอร์มแบบครบวงจร BigCommerce โฮสต์ไซต์ของคุณให้คุณตลอดจนจัดหาแพลตฟอร์ม CMS จริงด้วย มันยังจัดการความปลอดภัยและการสำรองข้อมูลให้กับคุณอีกด้วย



ข้อดี

  • มีแผนทดลองใช้งาน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้ BigCommerce ได้ก่อนที่จะตัดสินใจ
  • คุณสามารถใช้ชื่อโดเมนฟรีจาก BigCommerce ซึ่งจะมีลักษณะเช่นmystore.mybigcommerce.comหรือคุณสามารถชำระค่าชื่อโดเมนที่กำหนดเองได้
  • คุณใส่ช่องทางการชำระเงินได้หลายวิธี เช่น PayPal, Apple Pay และ Amazon Pay หรือชำระด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตก็ได้
  • BigCommerce มีตัวเลือกการสนับสนุนที่คุณสามารถเข้าถึงได้โดยตรงจากแดชบอร์ดของคุณตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน รวมถึงการส่งอีเมล สนับสนุนการเข้าผ่านมือถือ สนับสนุนชุมชน และอีกมากมาย


ข้อเสีย

  • BigCommerce ไม่ได้ให้คุณควบคุมร้านค้าของคุณได้มากเท่ากับ WooCommerce มีธีมและการผสานรวมที่จำกัดซึ่งอาจขัดขวางไม่ให้คุณใช้บริการจากบุคคลที่สามเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต
  • เมื่อยอดขายของคุณถึงเกณฑ์ที่แพลตฟอร์มกำหนด คุณจะถูกย้ายไปยังระดับถัดไปของแผนการกำหนดราคาโดยอัตโนมัติ คุณมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก


ราคา

คุณต้องชำระค่าสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อใช้ BigCommerce แผนที่ถูกที่สุดแบบ Standard คือ $29/เดือน สำหรับยอดขายสูงสุด $50k/ปี แผน Pro ในราคา $299/เดือน



Shopify


แพลตฟอร์ม CMS ที่โฮสต์แบบครบวงจร คุณไม่จำเป็นต้องซื้อโฮสติ้ง ติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ หรือจัดการสิ่งต่างๆ เช่น การอัปเดตและการสำรองข้อมูล


ข้อดี

  • คุณสามารถรับบัตรเครดิตและเดบิตผ่าน Shopify Payments และรองรับ PayPal 
  • มีส่วนขยายและธีมมากมายสำหรับ Shopify
  • คุณไม่จำเป็นต้องอัปเกรดหากคุณทำยอดขายได้มากกว่าจำนวนที่กำหนดไม่เหมือน BigCommerce
  • Shopify มีการสนับสนุนแก้ไขตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันผ่านการแชทสด อีเมล โทรศัพท์ 


ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่ายขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบค่อนข้างสูง
  • ปลั๊กอินน้อย


ราคา

แผนที่การใช้งานถูกที่สุดคือ $39/เดือน ราคาแพงที่สุดคือ $399/เดือน และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม คุณจะได้รับส่วนลดสำหรับการชำระล่วงหน้าหนึ่งปี


Wordpress.com


เป็น WordPress เวอร์ชันโฮสต์เชิงพาณิชย์ด้วย WordPress.com คุณจะได้รับแพลตฟอร์ม CMS แบบครบวงจรที่โฮสต์ไว้สำหรับคุณ คุณสามารถซื้อโดเมทหรือใช้โดเมนย่อยฟรีพร้อมกับแบรนด์ WordPress.com


ข้อดี

  • WordPress.com ง่ายต่อการเริ่มต้นใช้งาน คุณสามารถเพิ่มและแก้ไขเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย และผู้เริ่มต้นมักจะพบว่า CMS ใช้งานได้ตรงไปตรงมา
  • คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress.com ได้ฟรี คุณอาจต้องการจ่ายเงินสำหรับแผนบริการที่ถูกที่สุดเป็นอย่างน้อย
  • มีธีม (การออกแบบ) ที่แตกต่างกันสำหรับไซต์ WordPress.com ของคุณ คุณสามารถสลับระหว่างสิ่งเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายในแดชบอร์ด WordPress.com ของคุณ
  • เมื่อเว็บไซต์ของคุณมีขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นที่นิยม คุณสามารถอัปเกรดเป็นแผนใหม่ได้ มีตัวเลือกมากมาย รวมถึงแผนที่มีฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซด้วย
  • WordPress.com มีการวิเคราะห์ในตัว ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถดูสถิติเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณได้ในแดชบอร์ด ซึ่งหมายความว่าคุณไม่สามารถใช้ Google Analyticsได้ เว้นแต่คุณจะใช้แผนธุรกิจ 
  • การเปลี่ยนจาก Wordpress.org เป็น Woedpress.comในอนาคตสามรถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เปลี่ยนเป็น CMS ที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากขึ้น


ข้อเสีย

  • WordPress.com มีตัวเลือกการสร้างรายได้ที่จำกัดแม้จะมีแผนธุรกิจก็ตาม
  • คุณไม่สามารถเพิ่มชื่อโดเมนแบบกำหนดเองได้ เว้นแต่ว่าคุณจะจ่ายเงินสำหรับแผนแบบชำระเงินที่ถูกที่สุดเป็นอย่างน้อย
  • ปลั๊กอินที่รองรับน้อยกว่า WordPress.org
  • คุณไม่สามารถควบคุมเว็บไซต์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกับ WordPress.org



ราคา

มีแผน WordPress.com ฟรี แต่หากคุณต้องการชื่อโดเมนของคุณเอง ต้องเลือกแผนแบบชำระเงินแผนใดแผนหนึ่ง ราคาถูกที่สุดคือ $48/ปี ($4/เดือน) หรือคุณสามารถเลื่อนไปใช้แผนอื่นได้ รวมถึงแผนอีคอมเมิร์ซสำหรับร้านค้าออนไลน์ด้วยราคา $540/ปี ($45/เดือน) นอกเหนือจากนี้ ยังมีตัวเลือก WordPress VIP ที่นำเสนอคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกด้วย



Ghost


แพลตฟอร์ม CMS ที่ออกแบบมาสำหรับบล็อกเกอร์โดยเฉพาะ เนื้อหาหรือข้อมูลที่คุณผลิตสามารถแสดงบนเว็บไซต์ได้ แต่ก็สามารถส่งไปยังแอปมือถือหรืออย่างอื่นทั้งหมด


ข้อดี

  • คุณสามารถใช้Markdownเมื่อคุณเขียนในตัวแก้ไข Ghost Markdown
  • Ghost มีโปรแกรมแก้ไขเนื้อหาที่ใช้การ์ด สิ่งเหล่านี้ทำงานเหมือนกับบล็อกของ WordPress ในตัวแก้ไขบล็อก
  • มีการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมสำหรับ SEO
  • สามารถตั้งค่าการเก็บเงินเพื่อเข้าอ่านเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้


ข้อเสีย

  • มีความยืดหยุ่นในการใช้งานน้อยกว่า Wordpress
  • แม้ว่า Ghost จะเริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์ม CMS ที่ออกแบบมาเพื่อการเขียนบล็อกโดยเฉพาะ แต่ผู้ใช้บางคนรู้สึกว่ามันซับซ้อนเกินไป


ราคา

ซอฟต์แวร์ Ghost ให้บริการฟรี แต่คุณจะต้องจ่ายชื่อโดเมทและเว็บโฮสติ้ง เริ่มต้น $9 ต่อเดือน แต่คุณจะต้องอัปเกรดต้องจ่าย $199 ต่อเดือน เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกที่เข้าในบริการ


Megento


เป็นแพลตฟอร์ม E- commerce ที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรีโดย Adobe คุณสามารถดาวน์โหลดโฮสติ้งและใช้งานได้ฟรี คุณสามารถชำระเงินสำหรับ Magento Commerce ได้สิ่งนี้มาพร้อมกับการสนับสนุนอย่างเต็มที่และโฮสต์ไว้สำหรับคุณ แต่มันมีราคาแพงมาก


ข้อดี

  • สามารถปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ผ่านปลั๊กอินจำนวนมาก
  • คุณสามารถจัดการผลิตภัณฑ์และลูกค้าได้มากมาย ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างง่ายดาย โดยที่เว็บไซต์ของคุณไม่ช้าลง (แต่คุณอาจต้องอัปเกรดแผนโฮสติ้งของคุณ)
  • มีแบรนด์ดังๆ มากมายที่ใช้ Magento รวมถึง Nike, Ford และ Coca Cola
  • คุณสามารถเชื่อมต่อเกตเวย์การชำระเงินต่างๆ กับ Magento ได้นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวเลือกบางอย่าง เช่น Paypal เงินสดในการจัดส่ง และการโอนเงินผ่านธนาคารในตัว


ข้อเสีย

  • หากคุณเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ Magento อาจจะยากเกินไป
  • คุณอาจจะต้องหานักพัฒนาเว็บไซต์มาเพื่อพัฒนา Magento อาจมีราคาแพงมาก
  • การสนับสนุนที่มีให้อาจแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ Magento Open Source


ราคา

ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 22,000 เหรียญสหรัฐต่อปี



Textpattern


เป็นแพลตฟอร์ม CMS ที่เรียบง่าย เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2003 เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์


ข้อดี

  • มีการแก้ไขข้อความ ปลั๊กอิน เทมเพลต ให้ใช้ฟรี
  • ความยืดหยุ่นในการจัดว่างโครงสร้างเนื้อหา สามารถใช้ส่วนเสริมและการจัดหมวดหมู่ และผู้อ่านสามารถสมัครรับฟิต RSS เฉพาะ สำหรับส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ได้


ข้อเสีย

  • ไม่มีขั้นตอนการติดตั้งแบบคลิกเดียวTextpattern กับโฮสต์เว็บหลักใดๆ การติดตั้งไม่ยาก แต่คุณจะต้องคุ้นเคยกับการสร้างฐานข้อมูลบนโฮสต์เว็บของคุณ และใช้ FTP เพื่ออัปโหลดซอฟต์แวร์
  • มีรูปแบบข้อความให้เลือกน้อยและไม่ค่อยได้รับความนิยม


ราคา

Textpattern สามารถใช้งานได้ฟรี แต่ต้องมีโดเมนและเว็บโฮสติ้งเพื่อใช้สร้างเว็บไซต์


Blogger


เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1999 เป็นแพลตฟอร์ม CMS ที่ออกแบบมาเพื่อเขียนบล็อกโดยเฉพาะจาก Google โดยปกติบล็อกใน Blogger จะมี blogspot ในโดเมน และสามารถใช้ชื่อโดเมนของคุณได้


ข้อดี

  • ง่ายต่อการใช้งาน คุณสามารถสร้าง Blog ได้ภายในไม่กี่นาที
  • มีแกดเจ็ตจำนวนมากที่สามารถเพิ่มลงในบล็อกได้ฟรี คุณสามารถรวบรวมสิ่งต่าง ๆ เช่นช่องทางติดต่อและโฆษณา
  • บล็อกให้บริการโดย Google คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งอะไร อัปเดตอะไร หรือจ่ายค่าโฮสติ้ง
  • Blogger มีพื้นที่ให้ใช้ค่อนข้างเยอะ และคุณสามารถมีเพจคงที่ได้สูงสุด 20 หน้า รูปภาพของคุณจะถูกจัดเก็บไว้ใน Google ไดรฟ์ ดังนั้นรูปภาพเหล่านี้จะนับรวมในขีดจำกัด 15GB ของคุณที่นั่น


ข้อเสีย

  • Blogger จะไม่ใช่แพลตฟอร์ม CMS ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ มันไม่มีคุณสมบัติอีคอมเมิร์ซใด ๆ เป็นต้น
  • แม้ว่าธีมทั้งหมดที่มีให้ใช้งานได้ฟรี แต่ก็ค่อนข้างธรรมดา คุณสามารถแก้ไขได้เล็กน้อย แต่คุณไม่สามารถสร้างธีมของคุณเองได้
  • คุณจะสามารถส่งออกโพสต์ได้หากต้องการเปลี่ยนจาก Blogger เป็น WordPressคุณจะต้องคัดลอกหน้าเว็บด้วยตนเอง


ราคา

Blogger ให้บริการฟรี และคุณจะไม่ถูกเรียกเก็บเงินใดๆ เว้นแต่คุณจะเลือกซื้อชื่อโดเมนแบบกำหนดเอง

หากคุณซื้อชื่อโดเมนจากผู้รับจดทะเบียนโดเมนไม่ใช่จาก Blogger เองคุณสามารถย้ายไซต์ของคุณออกจาก Blogger ได้ง่ายขึ้นในอนาคต



Bitrix 24


เป็นแพลตฟอร์ม CMS ทางธุรกิจควบคู่กับความสามารถอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการจัดการงาน โครงการ การสื่อสาร และความสัมพันธ์กับลูกค้า สามารถทำงานได้ฟรีในระดับพื้นฐาน


ข้อดี

  • ระดับพื้นฐานของ Bitrix24 นั้นฟรี ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทดลองใช้งานได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย
  • มีฟีเจอร์มากมายที่มาพร้อมกับ Bitrix24 ซึ่งมอบทุกสิ่งที่คุณต้องการในการจัดการบริษัทขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
  • เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีอินเทอร์เฟซแบบลากและวางซึ่งรวมถึงหน้า Landing Page และแม้แต่ร้านค้าอีคอมเมิร์ซ


ข้อเสีย

  • Bitrix24 ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้เป็น CRM จริงๆ ดังนั้นหากคุณมี CRM วิธีที่ค่อนข้างซับซ้อนในการรับแพลตฟอร์ม CMS
  • เนื่องจากมีคุณสมบัติมากมาย คุณอาจพบว่าอินเทอร์เฟซ Bitrix24 สับสนหรือยุ่งยากในการทำงาน


ราคา

มีค่าให้บริการเริ่มต้นที่ $43/เดือน และแบบ Professional มีราคา $175/เดือน 


TYPO3


แพลตฟอร์ม CMS แบบโอเพ่นซอร์สฟรีที่มีมายาวนานกว่า Blogger เสียอีก เปิดตัวครั้งแรกในปี 1998 เป็น CMS ระดับองค์กร ซึ่งหมายความว่ามีประโยชน์สำหรับไซต์อินทราเน็ต (ไซต์ภายในบริษัท) และเว็บไซต์


ข้อดี

  • สามารถจัดการเว็บไซต์ขนาดใหญ่ได้ รวมถึงเว็บไซต์ที่มีหลายเว็บไซต์ในภาษาต่างๆ กัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่
  • เนื่องจากเป็นโอเพ่นซอร์ส TYPO3 จึงสามารถขยายได้ตามที่คุณต้องการ หากคุณยินดีที่จะจ้างนักพัฒนามาทำงานให้กับคุณ
  • คุณสามารถแก้ไขสิทธิ์การเข้าถึงของบุคคลและกลุ่มต่างๆ ที่ทำงานบนไซต์ของคุณได้
  • มีส่วนขยายและแอปพลิเคชันมากกว่า 6,000 รายการที่คุณสามารถเพิ่มลงในไซต์ TYPO3


ข้อเสีย

  • มีให้เลือกค่อนข้างน้อย
  • จะต้องมีความเชี่ยวชาญเทคนิคในการเขียนเว็บไซต์ เพื่อใช้งาน TYPO3 และดูแลเว็บไซต์ในอนาคต



แพลตฟอร์ม CMS ที่ดีที่สุดคืออะไร

WordPress.org เป็นแพลตฟอร์ม CMS และมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตขับเคลื่อนโดย WordPress


บน WordPress คุณสามารถเปิดร้านอีคอมเมิร์ซ ฟอรัมออนไลน์ LMS (ระบบการจัดการการเรียนรู้) เว็บไซต์สมาชิกเว็บไซต์ประมูลตลาดกลางและเกือบทุกอย่างที่คุณนึกออก


คุณสามารถทำอะไรกับ WordPress ได้ไม่จำกัด และหากคุณพบว่าคุณต้องการพื้นที่เพิ่มสำหรับเว็บไซต์ของคุณเมื่อเว็บไซต์ของคุณเติบโตขึ้น คุณสามารถอัปเกรดโฮสติ้งของคุณเป็นบริษัทโฮสติ้ง WordPress ที่มีการจัดการได้


ในการเริ่มต้นใช้งาน WordPress เราขอแนะนำให้ใช้Hostinger , BluehostหรือSiteGroundสำหรับเว็บโฮสติ้ง เนื่องจากได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการจาก WordPress และ WPBeginner


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CMS (FAQ)

แพลตฟอร์ม CMS ใดดีที่สุดสำหรับอีคอมเมิร์ซ

แพลตฟอร์ม CMS อีคอมเมิร์ซที่ดีที่สุดคือ WordPress พร้อม WooCommerce แม้ว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ก็ดีเช่นกัน แต่เราคิดว่า WooCommerce เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าของร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่


แพลตฟอร์ม CMS ใดดีที่สุดในการสร้างเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก

WordPress ทำให้การสร้างเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กเป็น เรื่องง่ายมาก มีธีม (การออกแบบ) ที่หลากหลายมากให้เลือก และช่วยให้คุณสามารถขยายธุรกิจของคุณได้


ฉันสามารถใช้แพลตฟอร์ม CMS โดยไม่มีชื่อโดเมนหรือโฮสติ้งได้หรือไม่

เว็บไซต์ทั้งหมดจำเป็นต้องมีโฮสติ้ง จากบริษัทที่สร้างแพลตฟอร์ม (เช่น Blogger) และบางครั้งก็เป็นสิ่งที่คุณซื้อจากโฮสต์เว็บอิสระ


ฉันจำเป็นต้องมี CMS เพื่อเริ่มบล็อกหรือไม่?

ใช่ แพลตฟอร์มบล็อกคือ CMS ประเภทหนึ่งที่ให้คุณเผยแพร่เนื้อหาได้อย่างง่ายดาย มีแพลตฟอร์มบล็อกที่แตกต่างกันมากมาย บทความของเราเกี่ยวกับแพลตฟอร์มบล็อกที่ดีที่สุดเปรียบเทียบตัวเลือกทั้งแบบฟรีและแบบชำระเงินจำนวนหนึ่ง


ซอฟต์แวร์ CMS ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงคืออะไร

เนื่องจาก WordPress เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส จึงมักเป็นตัวเลือกแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้และนักพัฒนาขั้นสูง

ร่วมเเสดงความคิดเห็น :