Technology

IaaS, PaaS, SaaS: ความแตกต่างของบริการคลาวด์

2025-02-18 02:58:46


Cloud Computing กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคดิจิทัล โดยมีบริการหลักที่แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ IaaS (Infrastructure as a Service), PaaS (Platform as a Service), และ SaaS (Software as a Service) ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะการให้บริการที่แตกต่างกันตามระดับของโครงสร้างพื้นฐานและซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้ต้องการ


เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างของแต่ละประเภท เราจะอธิบาย แนวคิด, การใช้งาน, ข้อดี-ข้อเสีย และตัวอย่างของ IaaS, PaaS และ SaaS




IaaS (Infrastructure as a Service)

IaaS เป็นบริการคลาวด์ที่ให้ โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT เช่น เซิร์ฟเวอร์, ที่เก็บข้อมูล (Storage), เครือข่าย (Networking), และ Virtual Machines (VMs) ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดการและควบคุมการทำงานได้เอง

ลักษณะสำคัญของ IaaS

  • ให้บริการ โครงสร้างพื้นฐานพื้นฐาน (Compute, Storage, Networking) ผ่านอินเทอร์เน็ต
  • ผู้ใช้สามารถเลือกขนาดของเซิร์ฟเวอร์และปรับแต่งระบบปฏิบัติการได้
  • คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง (Pay-as-you-go)
  • เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการ ความยืดหยุ่นและการควบคุมระบบเอง


ตัวอย่างบริการ IaaS

  • Amazon Web Services (AWS) – EC2
  • Google Cloud Platform (GCP) – Compute Engine
  • Microsoft Azure – Virtual Machines (VMs)
  • IBM Cloud – Virtual Servers


ข้อดีของ IaaS

  • ยืดหยุ่น สามารถขยาย (Scale-up) หรือปรับลดทรัพยากรได้
  • ลดต้นทุนฮาร์ดแวร์และการบำรุงรักษา
  • เหมาะกับ Workload ที่ต้องการทรัพยากรสูง เช่น AI, Big Data, HPC


ข้อเสียของ IaaS

  • ต้องมีความรู้ด้าน IT เพื่อบริหารจัดการเอง
  • ค่าใช้จ่ายอาจสูง หากมีการใช้ทรัพยากรมากเกินไป



PaaS (Platform as a Service)

PaaS เป็นบริการคลาวด์ที่ให้ แพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาและปรับใช้แอปพลิเคชัน โดยที่นักพัฒนาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เซิร์ฟเวอร์หรือระบบปฏิบัติการ

ลักษณะสำคัญของ PaaS

  • ให้ เครื่องมือพัฒนา (Development Tools), ฐานข้อมูล (Database), API และ Runtime Environment
  • ช่วยลดภาระด้านการบริหารเซิร์ฟเวอร์และการบำรุงรักษา
  • เหมาะสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันและองค์กรที่ต้องการสร้าง Software อย่างรวดเร็ว


ตัวอย่างบริการ PaaS

  • Google App Engine (GAE) – ใช้สำหรับโฮสต์และรันแอป
  • Microsoft Azure App Service – รองรับการพัฒนาเว็บและ API
  • Heroku – แพลตฟอร์มพัฒนาแอปที่ใช้งานง่าย
  • Red Hat OpenShift – ระบบจัดการ Kubernetes


ข้อดีของ PaaS

  • ช่วยให้ นักพัฒนาสามารถโฟกัสที่การเขียนโค้ด ได้โดยไม่ต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐาน
  • รองรับ CI/CD (Continuous Integration / Continuous Deployment)
  • เหมาะกับ Startup และองค์กรที่ต้องการพัฒนาแอปอย่างรวดเร็ว


ข้อเสียของ PaaS

  • มีข้อจำกัดด้านการปรับแต่งและการกำหนดค่าระบบ
  • อาจมีข้อผูกมัดกับผู้ให้บริการ (Vendor Lock-in)



SaaS (Software as a Service)

SaaS เป็นบริการที่ให้ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งหรือดูแลระบบ

ลักษณะสำคัญของ SaaS

  • ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้เลย
  • มีการดูแล อัปเดตซอฟต์แวร์ และรักษาความปลอดภัยโดยผู้ให้บริการ
  • คิดค่าบริการเป็น Subscription (รายเดือน/รายปี)


ตัวอย่างบริการ SaaS

  • Google Workspace (Gmail, Docs, Drive)
  • Microsoft 365 (Outlook, Word, Excel, Teams)
  • Salesforce – ระบบ CRM สำหรับธุรกิจ
  • Zoom – บริการประชุมออนไลน์
  • Dropbox – Cloud Storage


ข้อดีของ SaaS

  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องดูแลระบบเอง
  • สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์
  • ค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อเทียบกับการพัฒนาซอฟต์แวร์เอง


ข้อเสียของ SaaS

  • ปรับแต่งได้น้อยเมื่อเทียบกับ PaaS/IaaS
  • ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ



ควรเลือกใช้บริการแบบไหน?

  • เลือก IaaS - หากต้องการควบคุมระบบเอง เช่น การสร้างเว็บไซต์, บริหารเซิร์ฟเวอร์ หรือโฮสต์แอปพลิเคชันขนาดใหญ่
  • เลือก PaaS - หากต้องการพัฒนาและปรับใช้แอปพลิเคชันโดยไม่ต้องดูแลโครงสร้างพื้นฐาน
  • เลือก SaaS - หากต้องการใช้งานซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เช่น อีเมล, ระบบบริหารงานเอกสาร หรือเครื่องมือทำงานร่วมกัน




IaaS, PaaS และ SaaS เป็น บริการคลาวด์ที่ช่วยให้ธุรกิจและนักพัฒนาเข้าถึงทรัพยากร IT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แต่ละรูปแบบมีระดับของ การควบคุมและความสะดวกสบายที่แตกต่างกัน


IaaS ให้ความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานเอง

PaaS ช่วยให้นักพัฒนาโฟกัสที่การเขียนโค้ด โดยไม่ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์

SaaS เป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่พร้อมใช้งานทันที

การเลือกใช้บริการคลาวด์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจและการพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดต้นทุน และรองรับการเติบโตในอนาคต

ร่วมเเสดงความคิดเห็น :