2023-05-23 05:42:12
Web3.0 (Web3) คืออะไร?
เป็นอีกขั้นหนึ่งของ Web2.0ที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยให้นิยามว่าอินเทอร์เน็ตนั้นจะไวและฉลาดมากขึ้น เพราะด้วยการมาถึงของเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะช่วยในการแพร่กระจายข้อมูล ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ง่ายขึ้น มีการนำสกุล เงินดิจิทัลมาใช้ และสามารถส่งต่อข้อมูลโดยไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่งตอนนี้ยังมีการถกเถียงว่า Web3.0 นั้นสามารถเกิดขึ้นมาได้จริงไหม จะเป็นไปตามคำนิยามหรือเปล่า
วิวัฒนาการของ Web
Web 1.0 มีใช้งานครั้งแรกในปี 1989 โดยTim Berners Lee ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ โดยใช้แนวคิดการเชื่อมต่อข้อมูลดิจิทัล และคิดค้นภาษาที่ใช้ในการส่งข้อมูลคือ HTML ที่เรารู้จักกันดี และคิดค้น HPPT ที่เป็นวิธีในการส่งข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังเบราว์เซอร์ และคิดค้นซอฟต์แวร์เบราว์เซอร์แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม จนการมาถึงของ Mosaic ในปี 1993 และได้รับความนิยมล้นหลามและในเวลาต่อมาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Netscape ในเวลาต่อมา และอีกไม่นานเบราว์เซอร์อื่น ๆ ก็ได้เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น Microsoft Internet Explorer และ Apple Safari และได้เกิด Search engines เช่น Yahoo , Lycos และ AltaVita จนมาถึงในช่วงต้นยุค 2000 หลาย ๆ Search engines หลาย ๆ ตัวก็ได้ปิดตัวลงไปเพราะการมาถึงของ Google ที่เข้ามาครองตลาด Search engines จนถึงตอนนี้
และในปี 2000 ก็ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการอัปเกรดของ Web 1.0 ซึ่งมีการเพิ่มความสามารถต่าง ๆ มากขึ้นทั้งการมาถึงของ Blog , Social netword , Application เป็นต้น ซึ่งถูกเรียกว่า Web 2.0 และได้มีการพัฒนาจนแนวคิดนี้ได้เป็นจริงในอีกหลายปีต่อมา ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเพราะด้วยการมาถึงของ Social netword อย่าง Facebook และเว็บอื่น ๆ ในปี 2001 Tim Berners Lee ได้นำเสนอแนวคิด Semantic Wed และบทความอื่น ๆ ที่ส่งผลทำให้เกิดหน่วยงานที่เข้ามาดูแลมาตรฐานเว็บในที่สุด
และด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัล และ Blockcain ในปี 2008 ซึ่งจะมาเป็นรากฐานของ Web 3.0 ซึ่งถูกจับตามองจากคนทั่วโลกว่าสามารถเป็นไปได้หรือไม่
แล้วทำไม Web 3.0 ถึงเป็นที่จับตามอง
จากการเสนอแนวคิดแบบกระจายอำนาจ อาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและวิธีการสร้าง รายได้ เพราะจะทำให้การเก็บฐานข้อมูลผู้ใช้งานนั้นสามารถทำได้ยากขึ้น ระบบความปลอดภัยที่ดีว่าเวอร์ชันก่อน สามารถควบคุมเนื้อหาและการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะไชระบบใหม่นี้เข้ามาปรับแต่งการใช้งานให้เข้ากับแต่ละบุคคล และแนวคิดนี้ก็จะมีความโปร่งใสในการทำการตลาดแบบออนไลน์ด้วยเทคโนโลยี Blockchain โดยทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าถึงบันทึกทางธุรกรรมได้
Web 3.0 นั้นจะเป็นรากฐานสำหรับ Metavers ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริง ที่มีการใช้อวตารในการตอบโต้กันและกัน ซึ่งตอนนี้แนวคิดนี้ยังไม่เป็นความจริง อีกทั้งยังต้องอาศัยเทคโนโลยี Blockchain และเทคโนโลยีที่ช่วยกระจายข้อมูล ทั้งข้อมูลพื้นฐาน การเงิน และใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยให้สะดวกมากขึ้น
Wed 3.0 ทำงานยังไง
ในเวอร์ชัน 1.0 และ 2.0 จะใช้ภาษา HTML เป็นโครงสร้างในการทำงาน และในเวอร์ชัน 3.0 ยังมีการนำภาษานี้มาใช้อยู่ มีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยในาการรวบรวมข้อมูล และมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ่น สามารถจัดการข้อมูลได้ง่ายจากการนำ AI เข้ามาช่วย และใช้เทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินหลัก
คุณสมบัติหลักของ Web 3.0
-การกระจายอำนาจ จะเป็นระบบที่จะมีการส่งมอบข้อมูลผ่านแนวทางกระจายข้อมูลโดยไม่ผ่านหน่วยงานกลาง
-อาศัย Blockchain ข้อมูลจะถูกจัดการและตรวจสอบบนเครือข่ายแบบ peer-to-peer ที่กระจายอย่างกว้างขวาง
-ใช้สกุลเงินดิจิทัล
-จัดระเบียบข้อมูลโดยใช้ AI
-มีความฉลาดมากขึ้น
ข้อดี
-การควบคุมและการเป็นส่วนตัว
-โปร่งใส
-ยืดหยุ่น
-ฉลาดขึ้นสามารถปรับแต่งได้ตามหาใช้งาน
-การเงินแบบกระจายอำนาจโดยไม่ผ่านตัวกลาง
ข้อเสีย
-มีความซับซ้อน
-ความปลอดภัยที่ซับซ้อนและต้องมีการพัฒนาระบบใหม่
-กฎระเบียบ ยังไม่มีการกำกับและดูแลจากหน่วยงานใด ๆ
-ความรู้ด้านเทคนิค เพราะมีการนำ Blockchain และ dApp เลยต้องใช้ทรัพยากรในการอัปเกรด
แล้วจะเปิดตัวเมื่อไหร่
ในตอนนี้เทคโนโลยีที่เป็นฐานของ Web 3.0 ได้มีการพัฒนามากขึ้น ซึ่งปกติการพัฒนาในแต่ละเวอร์ชันจะห่างกันประมาณ 10 ปี ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเวอร์ชันใหม่นี้น่าจะใช้เวลานานพอ ๆ กัน
2024-06-10 03:19:31
2024-05-31 03:06:49
2024-05-28 03:09:25
2024-05-24 11:26:00
บทความที่น่าสนใจอื่นๆยังมีอีกมากลองเลืือกดูจากด้านล่างนี้ได้นะครับ
2024-12-03 01:51:43
2024-01-29 03:07:23
2024-09-04 11:48:52
2023-09-14 03:30:33
2024-03-27 04:42:48
2024-10-18 01:25:35
2024-12-20 02:22:55
2023-10-09 04:50:36
2024-03-25 01:48:11