BitcoinETF ของ BlackRock มันทำงานอย่าง ไร

BlackRork คือบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบันที่ให้ความสนใจในระบบ Cryptrocurrency ซึ่งได้ยื่นคำขอสำหรับการสร้างกองทุน Bitcoin Spot Exchang-Traded Fund (ETF) โดยมีโครงสร้างที่สอดคล้องกับมาตรฐานของตลาดและกฎหมาย

ทั้งนี้การที่เพิ่ม Bitcoin ในสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ ซึ่งทาง BlackRock Bitcoin ETF ได้เสนอโอกาสในการกระจายความเสี่ยงให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอเครื่องมือการลงทุนทางเลือกที่แข่งขันกับ Grayscale Bitcoin Trust และตัวเลือกการลงทุนสกุลดิจิทัลอื่น ๆ

Bitcoin ETF คืออะไร

Bitcoin ETF เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนได้สัมผัสกับการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิตอลโดยตรง Bitcoin ETFs ติดตามประสิทธิภาพของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์อ้างอิง

โดยพื้นฐานแล้วนักลงทุน Bitcoin ETF คือการซื้อหุ้นหรือหน่วยของกองทุนที่ใช้เป็นสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งETF ถูกสร้างมาเพื่อใช้ Bitcoin มีทางเลือกในการลงทุนใน Bitcoin โดยไม่ต้องดูแลและรักษากระเป๋าเงินดิจิทัลหรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

ข้อดี

-Bitcoin ETF จะมีการเสนอโครงสร้างการลงทุนที่ได้รับการควบคุมและสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคา Bitcoin ภายในขอบเขตของตลาดการเงิน และยังสามารถเข้าถึงสภาพคล่องและความโปร่งใสได้

-Bitcoin ETF จะมีการถือตะกร้า Bitcoin มากกว่า 1 หน่วย เลยได้เปรียบบางประการ เช่น การกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ยังอนุญาตให้มีการซื้อและขายหุ้นรายวัน เช่นเดียวกับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ

ข้อควรระวัง

-Bitcoin ETF อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาลและกรอบกฎหมาย ก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน ผู้ลงทุนควรวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ อย่างรอบคอบ รวมถึงค่าธรรมเนียม ความแม่นยำในการติดตาม และการเตรียมการของผู้ดูแลผลประโยชน์ของ ETF

iShares Bitcoin Trust ของBlackRock

หลังจากที่ BlackRock ได้ยื่นขอ Spot Bitcoin ETF เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนของปีที่ผ่านมา ซึ่งการยื่นคำขอนี้เกิดพร้อมกับการฟ้องร้องสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของประเทศสหรัฐอเมริกาต่อ Coinbase และ Binance ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการแลกเปลี่ยน Cryptrocurrency อันดับต้น ๆ บริษัท iShares ของBlackRock กำลังขออนุมัติ iShares Bitcoin Trust ซึ่งเป็นกองทุน Bitcoin ETF

ETF ตั้งใจจะใช้บริการผู้ดูแลที่เสนอโดยการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Coinbase BlackRock ตั้งเป้าที่จะติดตามราคา Bitcoin โดยใช้อัตราอ้างอิง Bitcoin ของCME CF ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อถือได้ทั่วโลก ตามเอกสารที่ยื่นอย่างเป็นทางการ CF Benchmarks ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kraken มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลราคา นอกเหนือจากการพิจารณาศักยภาพในการลงทุนแล้ว การประเมินตำแหน่งของสปอต Bitcoin ETF ภายในข้อเสนอที่มีอยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกาก็เป็นสิ่งสำคัญ Grantor trusts, ETFs แบบฟิวเจอร์ และกองทุนหุ้น Bitcoin ที่อยู่ติดกันเป็นกองทุนหลักสามประเภทที่มีอยู่ในตลาด Bitcoin ETF การแนะนำสปอต Bitcoin ETF เช่นที่ BlackRock เสนอ จะสร้างหมวดหมู่ที่สี่ที่แตกต่างออกไป เนื่องจากไม่เหมาะกับตัวเลือกที่มีอยู่

Bitcoin ETF ของBlackRock

Bitcoin ETF จะใช้ฟีเจอร์ตรงกันข้ามกับSpot Bitcoin ETF โดยมีเป้าหมายเพื่อติดตามราคาของ Bitcoin อย่างใกล้ชิด แต่มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดในแนวทางของพวกเขา ซึ่งอย่างแรก ETF ที่ใช้ฟีเจอร์จะถือสัญญาฟิวเจอร์ล่วงหน้าเดือนแรกที่ต้องกระทบในแต่ละเดือน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีวันหมดอายุ ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดการอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนตำแหน่งโดยผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอ เพื่อป้องกันการปั่นป่วนของตลาด ในการแลกเปลี่ยนในอนาคต เช่น Chicago Mercantile Exchange (CME) ได้กำหนดข้อจำกัดตำแหน่งในสัญญาด้วย ผู้จัดการพอร์ตของ Bitcoin ETF ที่ใช้ฟิวเจอร์จะต้องซื้อสัญญาฟิวเจอร์ที่มีวันที่นานกว่าเพื่อปฏิบัติตามข้อจำกัดเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาสามารถจัดตำแหน่งของกองทุนต่อไปได้ภายใต้กรอบที่มีการกำกับดูแลและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการกระจุกตัว

อย่างไรก็ตาม ความแปรปรวนเหล่านี้ส่งผลต่อวิธีการติดตามราคาของ Bitcoin และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดสปอต ตัวอย่างเช่น ความแม่นยำของสัญญาในการติดตามตลาดสปอตจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันหมดอายุ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลือกปัจจุบัน Bitcoin ETF ที่เสนอโดย BlackRock คาดว่าจะให้การติดตามราคาที่ดีขึ้นและอาจมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า คู่แข่งของ BlackRock เช่น ProShares Bitcoin Strategy ETF และ Grayscale คิดค่าธรรมเนียม 95 คะแนนพื้นฐานและ 2% ตามลำดับ

BlackRock Bitcoin ETF มีผลต่อกระทบอย่างไรต่อสกุลเงินดิจิทัล

การเปิดตัวของ BlackRock Bitcoin ETF จะส่งผลต่อสกุลเงินดิจิทัลต่อไปนี้เป็นผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้

1.การยอมรับในสกุลดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น

2.ผลกระทบต่อสภาพคล่อง

3.ความสนใจในด้านกฎระเบียบและการคุ้มครองนักลงทุน

4.ความเสี่ยงด้านการตลาดและความผันผวน

5.ผลกระทบของระลอกคลื่นต่อสกุลเงินอื่น ๆ

ทั้งนี้การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ นั้นถือว่าเป็นอีกความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนต้องมีการศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดในแต่ละครั้งก่อนจะมีการลงทุน