การเลือกโดเมนและโฮสติ้งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเว็บไซต์สำหรับมือใหม่ โดเมนคือชื่อเว็บไซต์ของคุณ ส่วนโฮสติ้งเป็นพื้นที่ที่เก็บข้อมูลและไฟล์ต่างๆของเว็บไซต์ ทั้งสองสิ่งนี้จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ความเร็ว และการเข้าถึงของเว็บไซต์ เรามาดูวิธีการเลือกโดเมนและโฮสติ้งที่เหมาะสมกัน
วิธีเลือกโดเมน
โดเมนคือชื่อที่ผู้ใช้จะพิมพ์เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณ เช่น www.example.com การเลือกชื่อโดเมนที่ดีควรเป็นไปตามหลักการดังนี้
เคล็ดลับในการเลือกใช้โดเมน:
- สั้นและจำง่าย: โดเมนควรสั้น กระชับ และจดจำได้ง่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์หรือบอกต่อได้สะดวก
- สะกดง่าย: หลีกเลี่ยงการใช้คำที่สะกดยากหรือมีหลายวิธีการสะกด เพื่อป้องกันความสับสน
- เลือกนามสกุลที่เหมาะสม: .com เป็นนามสกุลโดเมนที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด แต่หากเว็บไซต์ของคุณเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร คุณอาจเลือกใช้ .org หรือหากเว็บไซต์ที่มีเฉพาะในประเทศไทยอาจเลือกใช้ .co.th
- เชื่อมโยงกับแบรนด์หรือธุรกิจ: โดเมนควรสะท้อนถึงธุรกิจหรือเนื้อหาของเว็บไซต์ หากชื่อแบรนด์ของคุณว่าง ควรใช้ชื่อแบรนด์เป็นโดเมน แต่ถ้าชื่อโดเมนถูกจองไปแล้ว ลองเพิ่มคำอื่นที่เกี่ยวข้องที่บ่งบอกถึงประเภทธุรกิจของเรา
- ตรวจสอบความพร้อมใช้: ใช้เครื่องมือตรวจสอบความพร้อมใช้งานของโดเมน เช่น GoDaddy, Namecheap หรือ Google Domains เพื่อดูว่าชื่อที่คุณต้องการถูกจองไว้หรือไม่
เครื่องมือจดโดเมนที่นิยม
- GoDaddy: มีเครื่องโมตรวจสอบโดเมนและเสนอโดเมนที่ว่างให้เลือก
- Namecheap: จดโดเมนในราคาย่อมเยาและมีบริการสนับสนุนที่ดี
- Google Domains: ใช้งานง่าย และมีการเชื่อมต่อกับบริการของ Google
วิธีเลือกโฮสติ้ง
โฮสติ้งเป็นบริการที่ให้คุณเช่าพื้นที่ในการเก็บข้อมูลไฟล์ต่างๆของเว็บไซต์ เช่น รูปภาพ, เนื้อหา, ฐานข้อมูล
การเลือกโฮสติ้งที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
ประเภทของโฮสติ้ง
- Shared Hosting: เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือมือใหม่ โดยคุณจะแชร์พื้นที่และทรัพยากรณ์กับเว็บไซต์อื่นๆบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน ค่าใช้จ่ายต่ำ และความเร็วอาจจะลดลงหากมีการใช้งานทรัพยากรที่มากเกินไป
- VPS (Virtual Private Server): คุณจะได้รับทรัพยากรณ์ที่แยกออกจากเว็บไซต์อื่นๆ แม้จะยังแชร์เซิร์ฟเวอร์อยู่ก็ตาม เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางที่มีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น
- Dedicated Hosting: คุณจะได้เซิร์ฟเวอร์ทั้งเครื่องสำหรับเว็บไซต์ของคุณเพียงอย่างเดียว เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีทราฟฟิกสูง แต่ราคาค่อนข้างแพง
- Cloud Hosting: ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในการโฮสเว็บไซต์ ชึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นและรองรับทราฟฟิกได้ดี เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการการขยายตัวและมีผู้ใช้จำนวนมาก
เคล็ดลักในการเลือกโฮสติ้ง
- ความน่าเชื่อถือและความเสถียร: ตรวจสอบว่าโฮสติ้งมีการให้ uptime (ระยะเวลาที่เว็บไซต์ออนไลน์) สูงเพียงพอหรือไม่ ควรมี uptime อย่างน้อย 99.9%
- ความเร็ว: เลือกโฮสติ้งที่มีการเชื่อมต่อกับเซิฟเวอร์ที่รวดเร็ว เพื่อให้เว็บไซต์โหลดได้อย่างรวดเร็ว
- พื่นที่จัดเก็บและแบนด์วิดท์: ตรวจสอบว่าโฮสติ้งมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพียงพอและมีแบนด์วิดท์เพียงพอสำหรับจำนวนผู้ใช้งานเว็บไซต์ของคุณ
- การสนับสนุน: เลือกผู้ให้บริการโฮสติ้งที่มีการสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะหากคุณไม่คุ้นเคยกับการแก้ไขปัญหาเทคนิค
- ราคา: เลือกโฮสติ้งที่ตรงกับงบประมาณของคุณ แต่ควรพิจารณาคุณภาพและฟีเจอร์ที่ได้รับด้วย อย่าเลือกเพียงเพราะราคาที่ถูก
ผู้ให้บริการโฮสติ้งยอดนิยม
- Blueost: โฮสติ้งที่แนะนำโดย WordPress ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน มีบริการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
- SiteGround: มีชื่อเสียงด้านความเร็วและการสนับสนุนลูกค้าที่ดีเยี่ยม มีฟีเจอร์ SEO ให้ในตัว
- HostGator: มีแพ็กเกจที่หลากหลาย ราคาย่อมเยา และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
เมื่อคุณได้โดเมนและโฮสติ้งแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเชื่อมโยงโดเมนเข้ากับโฮสติ้ง ซึ่งทำได้โดยการอัปเดต DNS (Domain Name System) ของโดเมนให้ชี้ไปที่เซิร์ฟเวอร์ของโฮสติ้งที่คุณเลือก หาคุณใช้บริการจดโดเมนและโฮสติ้งจากผู้บริการเดียวกัน การเชื่อมต่อจะง่ายและรวดเร็ว
การเลือกโดเมนและโฮสติ้งที่เหมาะสม จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานได้