2024-05-21 01:51:22
ในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์มีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ การดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากที่สุดจึงเป็นเป้าหมายหลักของเจ้าของเว็บไซต์ทั้งหลาย SEO หรือ Search Engine Optimization จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหา ดึงดูดผู้เข้าชมที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้า
เทคนิคในการเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในการค้นหาหรือการใช้งานเทคนิค SEO ในแต่ละปีก็จะมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดเทคนิควิธีการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาอยู่ทุกเมื่อ ซึ่งในปี 2024 นี้มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
1.เครื่องมือ SEO ที่ใช้เขียนเนื้อหาโดน ๆ
เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ความนิยมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องมือสร้างสรรค์เนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นสามารถกำหนดประเภทเนื้อหาตามที่เราต้องการได้ไม่ว่าจะเป็นบทความ หน้า Landing Page สำเนาอีเมล ข้อความ โฆษณาในแพลตฟอร์มโซเชียล คำอธิบายวิดีโอ คำอธิบายผลิตภัณฑ์ และงานอื่น ๆ
การเขียนเนื้อหา AI เป็นกระบวนการของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ ที่มีโมเดลภาษาธรรมชาติ (LLM) และการเรียนรู้เชิงลึก (DL) ในการสร้างสรรค์เนื้อหาตามคำสั่งที่ถูกป้อนลงไป และสร้างบล็อกออกมาจากข้อมูลมหาศาลที่ AI ได้เรียนรู้ และตรงต่อกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ด้วยความเร็วในการสร้างสรรค์ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปีก่อน เพราะทำให้ลดเวลาและมีความแม่นยำ
เครื่องมือ AI ที่เหมาะสำหรับการสร้างเนื้อหา
1. Jasper
2. Copysmit
3. Rytr
4. Anyword AI
5.ChatGPT
2.เพิ่มประสิทธิภาพหน้าร้านค้าบนมือถือ
จากการมาของสมาร์ตโฟนทำให้การเข้าชมผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่จำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำให้เว็บไซต์ให้สามารถใช้งานในโทรศัพท์ได้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง นอกจากนี้จากการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงด้วยอุปกรณ์มือถือโดยรวม การเพิ่มประสิทธิภาพ ASO ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ SEO ที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพแอปมือถือเพื่อให้ได้อันดับที่ดีขึ้นในแผนการค้นหาของ ASO เพื่อเพิ่มการดึงดูดการดาวน์โหลดจากอุปกรณ์มือถือได้มากขึ้นและสร้างรายได้มากขึ้น
ซึ่งการที่นำ SEO เข้ามาช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์นั้นสามารถปรับปรุงการมองเห็นของเว็บไซต์ในเครื่องมือการค้นหา ASO ก็ช่วยในการปรับปรุงการมองเห็นมากขึ้นทั้งใน App Store ของApple หรือผลการค้นหาของ Google Play โดยมี 2 แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นให้ดีขึ้น
-ปรับปรุงข้อมูลเมต้าของแอปซึ่งรวมถึงชื่อแอป คำอธิบาย keyword และภาพหน้าจอ
-ปรับปรุงการให้คะแนนและบทวิจารณ์ของแอปพลิเคชัน ซึ่งสามารถทำงานโดยการให้การสนับสนุนให้ผู้ใช้เขียนรีวิวเชิงบวกและตอบกลับรีวิวเชิงลบ
หลักเกณฑ์สำหรับร้านค้า Google Play และ App Store iOS มีดังนี้
Google Play
-ชื่อสูงสุด 30 ตัวอักษร
-คำอธิบายสูงสุด 80 ตัวอักษร
-Google Play จัดทำดัชนีข้อความเกือบทั้งหมดที่รวมอยู่ในรายชื่อร้านค้า
App Store iOS
-ชื่อสูงสุด 30 ตัวอักษร
-คำบรรยายสูงสุด 30 ตัวอักษร
-ฟิลด์คำหลักสูงสุด 100 ตัวอักษร
-App Store ของIOS ไม่ได้จัดทำดัชนีช่องข้อความทั้งหมด (ต่างจาก Google) ดังนั้นให้พยายามรับคำหลักของคุณในช่องเพิ่มเติมเหล่านี้ คือชื่อพัฒนา และการซื้อในแอป (IAP)
3.เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาแบบออร์แกนิก
ผู้ปฏิบัติงาน SEO ที่มีประสบการณ์จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าชมแบบออร์แกนิกได้ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเนื้อหาที่มีอยู่ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหา” ไม่ว่าจะเป็นการรวมจำนวน Keyword หลักและ Keyword รองที่มีความเหมาะสม จำนวนคำในเนื้อหาที่พอดี รับประกันความสามารถในการอ่านที่ดีเยี่ยม และมีแท็กชื่อตามเมต้าและคำอธิบายที่เหมาะสมกับเนื้อหา
วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ในสี่วิธีนี้
1.ค้นหาจำนวนคำที่เหมาะสมและความหนาแน่นของ Keyword ที่เหมาะสม โดยความหนาแน่นของคำหลักโดยพิจารณาจากคำค้นหาและอันดับสูงสุด ซึ่งจะคำนึงถึงจำนวนคำที่เหมาะสมจากบริบทของเนื้อหาบทความ เช่นบทความที่มีข้อมูลเชิงลึกควรจะมีคำมากกว่า 3,000 คำโดยคำหลักควรมีไม่ต่ำกว่า 10%
2.ทดสอบชื่อเนื้อหาของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน CTR แท็กชื่อและคำอธิบายเนื้อหาในเว็บไซต์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ คำอธิบายที่ดีนั้นสามารถเพิ่ม CTR ของคุณได้ ซึ่งนำไปสู่อันดับที่สูงขึ้นและการเข้าชมมากขึ้น
3.อัปเดตเพจที่มีปริมาณการเข้าชมลดลงโดยใช้เนื้อหาที่ลดลงเมื่อคุณเผยแพร่เนื้อหามากขึ้น อัตราการเข้าชมและจัดอันดับจากเนื้อหาเก่าอาจจะลดลงงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเกิดจากโพสต์ที่ล้าสมัย คู่แข่งอาจจะอัปเดตบทความของตน ให้หยุดสร้างบทความ หยุดสร้างลิงก์ใหม่ ฯลฯ โดยวิธีนี้จะเป็นการรีเฟรชปริมาณการเข้าชมที่ลดลง
4.ครอบคลุมเนื้อหาให้สอดคล้องกับเจตนาในเครื่องมือค้นหาว่าผู้ที่ถามต้องการคำตอบแบบไหนและค้นหาเกี่ยวกับอะไรบ้างใน SERP เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้งาน เมื่อตอบคำถามได้คุณจะได้ CTR เพิ่ม
4.เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานด้วย CWN
ด้วยการเปิดตัว BERT และ MUM ที่เป็นเทรน SEO ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Google ต้องการทำให้เครื่องมือค้นหาแบบมีมนุษยธรรมโดยเปลี่ยนอัลกอริทึมการจัดอันดับ ด้วย Core Web Vitals (CWV) ซึ่งลิงก์และแท็กที่มีความสำคัญ เพราะด้วยจาก Google กำหนดประสบการณ์ในการใช้งานหน้าเว็บไซต์เป็น "ชุดสัญญาณที่วัดว่าผู้ใช้รับรู้ประสบการณ์การโต้ตอบกับหน้าเว็บอย่างไร นอกเหนือจากคุณค่าของข้อมูลที่แท้จริง"
โดยมีมาตรฐานในการวัดผลที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในการใช้งานหน้าเว็บไซต์และทำการณ์คาดการณ์ ในชุด CWN ถึง 4 ตัวชี้วัด ดังนี้
-ความไวในการดาวน์โหลดหน้าเว็บไซต์วัดประสิทธิภาพการโหลด Google แนะนำให้เล็งไปที่ LCP ภายใน 2.5 วินาที หลังจากที่หน้าเว็บเริ่มโหลด ความล่าช้าในการป้อนข้อมูลชุดแรก และความเสถียรของการมองเห็นของ Google
-ความเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของหน้าเว็บ
-การใช้โปรโตคอล HTTPS
-การไม่มีโฆษณาคั่นระหว่างหน้าที่รบกวน
ขั้นตอนที่จำเป็นในการปรับปรุงประสบการณ์ในการใช้งานหน้าเว็บไซต์
1.เรียกใช้งานเว็บไซต์ของคุณผ่านPageSpeed Insights เพื่อวัดประสิทธิภาพ
2.จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำจาก Google เพื่อปรับปรุงปัญหา
3.ทำซ้ำขั้นตอนแรกเพื่อวัดประสิทธิภาพการตอบสนองของเว็บไซต์
5.เพิ่มเวลาในการใช้งานเว็บไซต์
อีกหนึ่งสิ่งที่ google ให้ความสำคัญ คือเวลาในการเข้าใช้งานเว็บไซต์หลังการคลิกลิงก์ SERP ก่อนจะกลับมาที่เครื่องมือการค้นหา ต่างจากอัตราการตีกลับที่ผู้ติดตามผู้ใช้งานที่ออกไปโดยไม่มีการโต้ตอบ หรือเวลาบนเว็บไซต์ซึ่งนับผู้เข้าชมทั้งหมด เวลาในการมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานจากผลการค้นหา
ซึ่งหากการใช้งานภายในเว็บไซต์มากขึ้นทำให้ J-pop นั้นพบว่าเว็บไซต์ของคุณนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่า ซึ่งจะสามารถช่วยในการเพิ่มอันดับในเครื่องมือการค้นหาได้ หาก google พบว่าเว็บไซต์ของคุณมียอดการเข้าชมนานกว่าคู่แข่งของคุณใน Keyword เดียวกัน เครื่องมือการค้นหาจะตัดสินว่าของเราดีกว่า และได้รับการเข้าชมมากขึ้น
6.กลุ่มเป้าหมายและหัวข้อ Keyword
วัตถุประสงค์ของ Google คือการเข้าใจความตั้งใจของผู้ใช้งานในสิ่งที่พวกเข้าคาดหวัง สามารถตอบคำถามที่ค้นหาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลลัพธ์ใดในเครื่องมือค้นหาที่จะช่วยตอบคำถามของพวกเขาได้ดีที่สุด ซึ่งการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google จะใช้แค่เพียง Keyword เพียงอย่างเดียวไม่พอ เนื่องจากการปรับปรุงแนวทางในการปฏิบัติของ SEO ที่ดีที่สุดคือการดูบริบทต่อผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ
7.เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียง
ในปี 2020 การใช้งานระบบสั่งงานด้วยเสียงมากกว่า 4.2 พันล้านเครื่องจากทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเครื่องมือการค้นหาด้วยเสียงสามารถช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ด้วยการค้นหาด้วยเสียงได้ด้วย
8.เพิ่มประสิทธิภาพส่วนหัวของเว็บไซต์ ที่ไม่ใช่เพียงชื่อแท็กหัวข้อ
โดยปกติแล้ว Google จะเขียนแท็กชื่อใหม่ประมาณ 58% โดยอัตโนมัติตามส่วนหัว H1 ของเว็บไซต์ ซึ่งGoogle กล่าวว่า “ระบบใหม่ของพวกเขากำลังสร้างชื่อที่เหมาะกับเอกสารโดยรวมมากขึ้น เพื่ออธิบายสิ่งที่พวกเขาเกี่ยวกับ โดยไม่คำนึงถึงคำค้นหาโดยเฉพาะ” ซึ่งหมายความว่าหากแท็กชื่อเขียนได้ไม่ดีหรือไม่ได้เห็นภาพเนื้อหาที่ชัดเจน Google อาจจะเขียนแท็กใหม่เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน
โดยส่วนหัวที่มีแนวโน้มที่จะเขียนแท็กชื่อใหม่ ได้แก่
-สั้นเกินไปหรือยาวเกินไป
-ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหน้า
-มีการส่งเสริมการขายหรือสแปมมากเกินไป
-ซ้ำกันหลายหน้า
เพื่อลดโอกาสที่ Google จะเขียนแท็กชื่อใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่โดนเปลี่ยนชื่อแท็กเคล็ดลับดังนี้
-ใช้คำหลักที่สำคัญใช้แท็กชื่อ แต่อย่าใช้เยอะจนเกินไป
-แท็กชื่อให้สั้นและกระชับ โดยหลักการแล้วควรจะมีความยาวประมาณ 50-60 ตัวอักษร
-ให้ภาษาที่สื่อความหมายซึ่งสะท้อนถึงเนื้อหาของหน้าได้อย่างถูกต้อง
-หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาส่งเสริมการขายหรือการกล่าวอ้างที่คุณไม่สามารถสำรองข้อมูลได้
-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแท็กชื่อไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละหน้า
9.อัปเดตหรือรีเฟรชเนื้อหาเก่าเป็นประจำ
เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ยอดนิยมเนื่องจากเนื้อหาที่มีคุณค่าอยู่แล้ว และในบางกรณีก็มีจำนวนผู้อ่านจำนวนมากอยู่แล้ว ซึ่งแทนที่จะสร้างโพสต์ใหม่ตั้งแต่ต้น แต่อัปเดตตัวเนื้อหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโพสต์เดิมที่มีอยู่ในผลลัพธ์เครื่องมือการค้นหาแบบออร์แกนิกง่ายกว่า ซึ่งทำให้ตัวเลือกที่ง่ายกว่าคือการรีเฟรชเนื้อหา โดยคำนึงถึงเวลา และโพสต์มีการเข้าชมแบบออร์แกนิก แต่สามารถมีศักยภาพในการสร้างลิงก์และกลยุทธ์อื่นๆ
คุณสามารถดูได้ว่าเนื้อหาของคุณได้รับการเข้าชมมากเพียงใดในส่วน Landing Page ของGoogle Analytics เพียงไปที่พฤติกรรม > เนื้อหาไซต์ > หน้า Landing Page เพื่อเป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของโพสต์นั้น เมื่อพร้อมในการอัปเดตบล็อกเก่าให้ปฏิบัติตามแนวทางการอัปเดตของ Single Grain
-เขียนคำนำและการสรุปใหม่อีกครั้ง
-ลบ/สรุปส่วนที่เป็นจุดอ่อน
-เพิ่มข้อมูลที่มีการสืบค้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับงานชิ้นนี้
-อัปเดตสถิติใหม่ ข้อเท็จจริง หรือโควทคำพูด และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีลิงก์เสียหรือไม่ และลิงก์ไปยังแหล่งที่มาที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี
-แทนที่รูปภาพเก่าและภาพที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
-แทนที่ตัวอย่าง หรือกรณีศึกษาด้วยรายการใหม่ที่เป็นปัจจุบัน
-ไปที่ google Search Console เพื่อขอการจัดทำดัชนีใหม่
10.เพิ่มยอดการเข้าถึงด้วยวิดีโอ SEO
หนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่มยอดการเข้าถึงแบบออร์แกนิกที่ดีที่สุด นอกจากการเพิ่มยอดการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมแล้ว วิดีโอยังสามารถช่วยให้คุณได้รับการเข้าชมแบบออร์แกนิกมาจากการแนะนำ Keyword ที่ตรงกับผมการค้นหาภายในคลิป โดยก่อนหน้านี้ Google จัดอันดับเฉพาะวิดีโอ YouTube ในคำแนะนำแต่ด้วยการช่วยเหลือด้านโครงสร้างข้อมูล Seek และ Clip ให้นักการตลาดสามารถจัดอันดับการแสดงผลวิดีโอภายในเว็บไซต์ใดก็ได้
วิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาวิดีโอ
-ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องในชื่อ คำอธิบาย และแท็ก
-ใช้ขนาดภาพที่ย่อแล้วยังมีคุณภาพสูงเพื่อดึงให้เกิดการคลิกมากขึ้น
-ใช้คำอธิบายประกอบและมาร์เวลาในวิดีโอ
-มีซับไตเติ้ลในวิดีโอเพื่อทำให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงได้มากขึ้น และข้อความยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาของเครื่องมือค้นหาในการรวบรวมข้อมูล
-ใช้มาร์กเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เข้าเนื้อหา และทำให้เครื่องมือการค้นหาสามารถเข้าใจเนื้อหาภายในวิดีโอได้ดีขึ้น
-โปรโมตวิดีโอของคุณบนโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์อื่น ๆ
-ฝังวิดีโอบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเวลาในการใช้งานเว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย
-ใช้การโฆษณาของ YouTube เพื่อเพิ่มการเข้าถึง
11.ลงทุนในการสร้างลิงก์
การสร้างลิงก์เป็นแกนหลักของอัลกอริทึมการจัดอันดับเครื่องมือค้นหาของ Google เสมอ และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และมีเอกลักษณ์เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการรับลิงก์ที่มีคุณภาพ โดยมีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพดังนี้
-การสร้างเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ มีคุณค่า และเชื่อถือได้ เพราะเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเชื่อมโยง
-การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ความคิดริเริ่มในการเข้าถึง เช่นการโพสต์ของแขกหรือการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสนับสนุนความพยายามในการสร้างลิงก์
-ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์โปรไฟล์ Backlink ของคู่แข่ง และหาโอกาสในการเชื่อมโย่งเท่าที่จะเป็นไปได้
ที่สำคัญคือไม่มุ่งเน้นไปในทางปริมาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพของลิงก์ด้วยเพราะลิงก์จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องและมีเชื่อเสียงจะมีน้ำหนักกว่า นอกจากนี้แล้วกระจายประเภทลิงก์และข้อความแองเคอร์เพื่อสร้างโปรไฟล์ลิงก์ย้อนกลับที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นตรวจสอบลิงก์ย้อนกลับของคุณเป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าลิงก์เหล่านั้นไม่เพียงแต่มีจำนวนสูงเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในทางบวกต่อวัตถุประสงค์ SEO
12.เพิ่มประสิทธิภาพลิงก์ภายใน
การเชื่อมโยงลิงก์ภายในเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับ SEO มีวัตถุประสงค์หลักสองประการสำหรับกลยุทธ์การเชื่อมโยงภายใน เพื่อส่งต่อและกระจายมูลค่าของลิงก์ย้อนกลับไปยังหน้าเว็บของคุณและเพื่อช่วยให้ผู้ใช้นำทางไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพวกเขามากที่สุด
13.เนื้อหาที่มีภาพมากขึ้น
เมื่อเนื้อหาที่มีภาพประกอบมากขึ้นจะทำให้เนื้อหาของคุณสามารถดึงดูได้มากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโพสต์ของ Facebook ที่มีรูปภาพจะได้การมีส่วนร่วมมากขึ้นมากกว่าโพสต์ที่ไม่มีรูปภาพถึง 230% ซึ่งสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหารูปภาพก็จะได้รับการเข้าชม มากกว่าเนื้อหาที่ไม่มีรูปภาพเช่นกัน โดยมีแนวโน้มถึง 94%
โดยประเภทรูปภาพที่พบบ่อยที่สุดและมีแนวโน้มในการดึงดูดคือภาพประเภท
-Graphic
-Infographic
-ภาพถ่าย
-GIF
การสร้างภาพ Graphic และ Infographic ในปัจจุบันนี้ไม่ได้ยาก ด้วยเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยให้สามารถสร้างภาพได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็น Canva หรือ AI ที่สามารถสร้างภาพประกอบได้ นอกจากนี้แล้วคุณสามารถซื้อภาพจากเว็บไซต์ที่มีการซื้อขายภาพได้หลากหลายช่องทาง เพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนอกจากนี้แล้วยังมีการเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับภาพของคุณภายใน Google Images ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่อันดับสองของโลก
ซึ่ง Image SEO จำเป็นต้องปรับข้อความแสดงแทนข้อความรูปภาพ และใช้ชื่อภาพให้เหมาะสม ข้อความแสดงแทนคือแท็กที่คุณให้กับรูปภาพของคุณ เพื่อให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาของ Google สามารถอ่านโค้ดได้ว่านี่คือภาพอะไร เกี่ยวกับอะไร ทำให้ต้องมีการอธิบายสั้นๆ ของรูปภาพด้วย
14.กำหนดเป้าหมายผู้ค้นหาในท้องถิ่นด้วยแลนดิ้งเพจและรายการสินค้า
การค้นหาผ่าน Google จำนวนมากจากผู้ค้นหาในท้องถิ่น เช่นร้านค้าในพื้นที่ เวลาทำการของสถานที่ต่าง ๆ หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคิดถึง โดยเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้านจริงการสร้าง SEO ในท้องถิ่น เป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงการมองเห็นทางออนไลน์ โดยเทคนิค SEO ในท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพที่สามารถดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ 3 เทคนิค
-ตรวจสอบรายชื่อไดเรกทอรีสม่ำเสมอ
-สร้างและเพิ่มประสิทธิภาพแลนดิ้งเพจท้องถิ่น
-เทคนิค SEO การมาร์กอัปสคีมาข้อมูลสั้น ๆ
นอกจากนี้แล้วยังสามารถรวมการแทรก JSON (Javascript Object Notation) ผ่านGoogle Tag Manager ได้ด้วย Google Tag Manager ช่วยให้คุณสามารถรวมสคีมาและ JSON เข้าด้วยกันได้อย่างง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งของสคีมา ส่งผลให้ CTR และการมองเห็นสูงขึ้น
15.มุ่งเน้นไปที่ Keyword ที่มีอันดับสูง
เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกของ Google การใช้ Keyword เพียงอย่างคำเดียวนั้นไม่เพียงพอ เพราะด้วยจุดประสงค์ในการค้นหาที่แบ่งเป็นสี่แบบคือ ข้อมูล ช่องทางในการได้คำตอบ ทางการค้า และการทำธุรกรรม หากต้องการเพิ่มการมองเห็นอาจจะเพิ่มความสนใจไปที่เนื้อหาเหล่านั้นจะมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
-เข้มงวดกับ CTA มากขึ้น (เช่น "รับใบเสนอราคา" แทนที่จะ "ดาวน์โหลดเอกสารสรุปนี้")
-คาดว่าจะมีอัตราการแปลงที่สูงขึ้น
-ระบุแหล่งที่มาของโอกาสในการขายและรายได้ให้กับเนื้อหาของคุณได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
หากเป้าหมายคือการจัดการความพยายามในการทำ SEO สำหรับ ROI ในระยะสั้นหรือระยะกลางในเนื้อหา Keyword ที่มีความตั้งใจสูงคือหนทางที่จะไป และคุณสามารถค้นหา Keyword เกี่ยวข้องเหล่านั้นได้ด้วยการวิจัย Keyword หลักและหาคำที่มีความหมายไปทางเดียวกัน
16.ใช้เนื้อหา EEAT
สืบเนื่องมาจากการอัปเดตเกณฑ์การตรวจวัดคุณภาพ (QRG) ของGoogle ในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่เนื้อหา EAT (expertise, authoritativeness and trustworthiness) ซึ่งมีการเพิ่มตัว E (experience) พิเศษอีกตัวทำให้เป็นตัวย่อ EEAT ชี้วัดว่าผู้เขียนเนื้อหามีประสบการณ์โดยตรงในหัวข้อที่สร้างสรรค์ ซึ่งอาจจะรวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์จริง หรือนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ก็ได้เช่นกัน
สำหรับ Google ประสบการณ์พิสูจน์ให้เห็นว่าเว็บไซต์และผู้สร้างเนื้อหามีชื่อเสียง การประเมินประสบการณ์ยังช่วยลดการโพสต์ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะเนื้อหาเชิงลบ เช่นคำพูดแสดงความเกลียดชัง การกลั่นแกล้ง และรูปภาพปลอม
ทั้งหมดนี้คือเทรน SEO ที่มาแรงและน่าสนใจในปี 2024 ทั้งนี้เทรนจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผล การติดตามเทรนใหม่ ๆ อยู่เสมอ จะช่วยให้สามารถว่างแผนการดำเนินงานเพื่อให้ครอบคลุมเทรนใหม่ และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพมากขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องมีการนำเทคนิคทั้งหมดมาใช้งาน ต้องเลือกเทคนิคไม่กี่ข้อที่ตรงต่อแผน SEO ของธุรกิจของคุณ
2024-06-10 03:19:31
2024-05-31 03:06:49
2024-05-28 03:09:25
2024-05-24 11:26:00
บทความที่น่าสนใจอื่นๆยังมีอีกมากลองเลืือกดูจากด้านล่างนี้ได้นะครับ
2024-04-11 02:14:04
2024-08-19 03:03:00
2024-01-30 04:21:13
2024-09-10 11:09:07
2023-09-06 11:30:44
2024-09-17 01:58:44
2023-10-06 01:28:23
2023-12-12 05:54:56
2023-12-12 04:45:33