Technology

สินค้าทดแทนกับสินค้าเสริม

2023-11-14 10:44:35


สินค้าทดแทนกับสินค้าเสริม


คือคำศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกันในการบริโภคของผู้บริโภค สินค้าทดแทนคือสินค้าที่ใช้แทนกันได้ในการบริโภค เช่น น้ำอัดลมและน้ำผลไม้ หรือกาแฟและชา สินค้าเสริมคือสินค้าที่ใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มประโยชน์หรือความพึงพอใจของผู้บริโภค เช่น ยาสีฟันและแปรงสีฟัน หรือรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิง

สินค้าทดแทนกับสินค้าเสริมมีผลต่อความต้องการและราคาของสินค้าในตลาด หากราคาของสินค้าทดแทนเพิ่มขึ้น ความต้องการของสินค้าที่ทดแทนกันได้จะเพิ่มขึ้น เช่น หากราคากาแฟเพิ่มขึ้น ความต้องการของชาจะเพิ่มขึ้น หากราคาของสินค้าเสริมเพิ่มขึ้น ความต้องการของสินค้าหลักจะลดลง เช่น หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ความต้องการของรถยนต์จะลดลง

สินค้าเสริมและสินค้าทดแทนมีผลต่อการตั้งราคาของสินค้าหลัก โดยสินค้าเสริมคือสินค้าที่ใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มประโยชน์หรือความพึงพอใจของผู้บริโภค เช่น ยาสีฟันและแปรงสีฟัน หรือรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าทดแทนคือสินค้าที่ใช้แทนกันได้ในการบริโภค เช่น น้ำอัดลมและน้ำผลไม้ หรือกาแฟและชา

สินค้าเสริมและสินค้าทดแทนมีผลต่อความต้องการและราคาของสินค้าในตลาด หากราคาของสินค้าเสริมเพิ่มขึ้น ความต้องการของสินค้าหลักจะลดลง เช่น หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ความต้องการของรถยนต์จะลดลง หากราคาของสินค้าทดแทนเพิ่มขึ้น ความต้องการของสินค้าที่ทดแทนกันได้จะเพิ่มขึ้น เช่น หากราคากาแฟเพิ่มขึ้น ความต้องการของชาจะเพิ่มขึ้น

การวางแผนการตลาดคือการกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ และแนวทางการดำเนินการทางการตลาดของธุรกิจ เพื่อให้สามารถสร้างความสนใจ ความพึงพอใจ และความภักดีใจให้กับลูกค้า และเพิ่มยอดขาย และผลกำไรให้กับธุรกิจ




การวางแผนการตลาดมีขั้นตอนหลายขั้น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะ ขนาด และวัตถุประสงค์ของธุรกิจ แต่โดยทั่วไป ขั้นตอนหลักๆ ที่ส่วนใหญ่ของธุรกิจจะใช้ได้แก่

1.วิเคราะห์ธุรกิจก่อนวางแผนการตลาดด้วย SWOT Analysis ซึ่งคือการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ โดยพิจารณาทั้งภายในและภายนอกองค์กร

2.สำรวจและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งคือการหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่มีความต้องการ ความสนใจ และความสามารถในการซื้อสินค้าหรือบริการของธุรกิจ และแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะที่เหมาะสม

3.สร้างเป้าหมายให้ชัดเจนด้วยเทคนิค SMART ซึ่งคือการกำหนดเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง (Specific) สามารถวัดผลได้ (Measurable) สอดคล้องกับความเป็นไปได้ (Attainable) เหมาะสมกับสถานการณ์ (Realistic) และมีกำหนดเวลา (Time-bound)

4.วางกลยุทธ์การตลาดและกำหนด KPI ซึ่งคือการเลือกวิธีการ ข้อความ และสื่อที่จะใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า และการกำหนดตัวชี้วัดที่จะใช้ในการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามเป้าหมาย

5.กำหนดงบประมาณที่จะต้องใช้ตลอดแผนการตลาด ซึ่งคือการคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินการตามแผนการตลาด และการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ

6.วางแผนการตลาดสำรอง ซึ่งคือการเตรียมแผนการตลาดที่สามารถใช้แทนแผนหลักได้ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือมีการเปลี่ยนแปลงของตลาด หรือการแข่งขัน

 

ร่วมเเสดงความคิดเห็น :

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจอื่นๆยังมีอีกมากลองเลืือกดูจากด้านล่างนี้ได้นะครับ